Tinder เผย 10 อันดับเมืองยอดฮิตคนไทยปักหมุดหาเพื่อนใหม่ผ่านฟีเจอร์ Passport (ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 63 – 31 มี.ค. 64) ทินเดอร์ เผยคนไทย Gen Z ปัดขวากันรัวๆ จากการที่ทินเดอร์เปิดให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถใช้บริการฟีเจอร์ Passport ได้ฟรีเพื่อเสิร์ชโลเคชั่น ปักหมุด พูดคุยกับเพื่อนใหม่และหาคู่แมตช์ได้ทั่วโลก ถึงสิ้นเดือนเมษายน 2564 นี้
จากข้อมูลของทินเดอร์ระบุว่า Gen Z
มีการปัดขวาและออกเดตเสมือนจริงกับคนที่อยู่ใกล้กันในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19ความสามารถในการค้นหาคนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน หรือการระบุตำแหน่งที่ตั้งของทินเดอร์มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมากกับสถานการณ์ดังกล่าว
ซึ่งในการจับคู่กันของคนระหว่างเมืองต่างๆ ในประเทศไทยพบว่าคนกรุงเทพฯ คือ คนในกลุ่ม Gen Z ส่วนใหญ่เลือกปักหมุดหาเพื่อนใหม่ ทินเดอร์เผย 10 เมืองที่มีคนปักหมุดเพื่อหาคู่แมตช์มากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ (ข้อมูลจากสมาชิกอายุระหว่าง 18-25 ปีที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564)
ล่าสุดทินเดอร์ได้เปิดตัวแคมเปญ สายการบิน Tinder Airways ซึ่งเป็นวิดีโอจุดประกายคนไทยรุ่นใหม่สามารถออกเดินทางตามทริปในฝัน ผ่านฟีเจอร์ Passport ของแอปทินเดอร์ ซึ่งเป็นไฮไลต์ฟีเจอร์นี้ที่ช่วยให้คนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้แบบเสมือนจริงรอบโลกในการหาเพื่อนใหม่ หาคู่แมตช์ สร้างคอนเนคชั่นใหม่ๆ หรือออกเดตเสมือนจริง
โดยกลุ่ม Gen Z ชาวไทย ซึ่งเป็นผู้นำเทรนด์ต่างๆ จะเป็นกลุ่มที่กำหนดการเดินทางระหว่างประเทศเพื่อพบเพื่อนใหม่ และเปลี่ยนการออกเดตเสมือนจริงให้นำไปสู่การออกเดตในชีวิตจริงต่อไปในอนาคตในขณะที่คนไทยกำลังค้นหาคู่เดตเสมือนจริงในต่างประเทศ ผู้คนจากทั่วภูมิภาคเอเชียรวมถึงฝั่งยุโรปเองก็มีแนวโน้มที่จะค้นหาคู่เดตในประเทศไทยเช่นกัน
ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับการหาคู่แมตช์แบบข้ามพรมแดน และยังรวมถึงการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวมายังประเทศไทยเพื่อพบเจอเพื่อนใหม่ต่อไปในอนาคต หากใครที่ยังไม่เคยใช้ฟีเจอร์ Passport มาก่อน หรือต้องการใช้งานฟีเจอร์นี้ให้ได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทินเดอร์มีเคล็ดลับดีๆ มาบอก
ทุกคนมีเวลาไม่มากแต่มีเมืองมากมายที่อยากจะไปใช่ไหม แต่หากเดินทางเสมือนจริงในโลกดิจิทัลก็สามารถตัดเรื่องไม่มีเวลาไปได้เลย คุณสามารถมุ่งหน้าไปแสดงความรักที่ New York สักนิดนึง แล้วไปเที่ยวต่อที่ Edinburgh เพื่อดูว่ามีใครเคยพบเห็นสัตว์ประหลาดในทะเลสาบล็อกเนสส์บ้าง หรือจะแวะไป Jalisco เพื่อค้นหาสูตรลับในการทำเตกีล่า
โฉมใหม่! Apple TV รองรับ 4K และประสิทธิภาพสูงขึ้น
Apple เปิดตัวกล่องรับสัญญาณโฉมใหม่ TV 4k ที่จะอัดเต็มไปด้วยประสิทธิภาพขั้นสุดยอด และระดับความคมชัดของภาพที่ไปถึงในระดับ 4K จบเป็นที่เรียบร้อยกับงาน Spring Loaded ของทาง Apple ที่ทำการเปิดตัว และอัปเดตความคืบหน้าทางด้านเทคโนโลยีของบริษัท โดยจะเริ่มที่ Apple TV 4K กล่องรับสัญญาณตัวใหม่ที่มีการพัฒนาขึ้นทั้งในส่วนของประสิทธิภาพ และระดับความคมชัดของภาพอีกด้วย
ในส่วนของผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ มีการเปิดตัวสีใหม่บน iPhone 12 และ iPhone 12 mini นั้นคือสีม่วง ทำให้ตอนนี้มือถือในตระกูล iPhone 12 มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 6 สี คือ สีดำ, สีขาว, สีน้ำเงิน, สีเขียว, สีแดง และ สีม่วงน้องใหม่, โดสรใหม่จะเริ่เปิดให้จองล่วงหน้าวันศุกร์ที่ 23 เมษายนนี้
อีกหนึ่งของเล่นใหม่ที่แอปเปิ้ลนำสนอในงานนี้คือ AirTags ที่มีข่าวลือมาเกือบ 2 ปี ในที่สุดเราก็ได้ยลโฉมเจ้าแกดเจ็ตที่จะช่วยคุณติดตามที่อยู่ ตำแหน่ง คล้ายกับฟีเจอร์ Find My บนมือถือ ทว่าครั้งนี้มาในรูปแบบของไอเท่มชิ้นเล็กๆ ที่สามาถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก
เจ้าไอเท่มแอร์แท็กนี้ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา พร้อมความสามารถในการกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP67 ส่วนของแบตเตอรี่แอปเปิ้ลก็บอกง่ายๆว่า ใช้ได้เป็นปี พร้อมฝาเปิดสำหรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ส่วนการเชื่อมต่อก็ง่ายๆคล้ายกับเชื่อมต่อ AirPods, ภายในประกอบด้วยชิพ U1 ที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการค้นหาตำแหน่งทั้งในด้านทิศทางและระยะทาง
Apple TV เวอร์ชั่นใหม่ ที่มาพร้อมชิพเซ็ต A12 Bionic เพิ่มการประมวลผลที่ทรงพลัง และยังสามารถรองรับคอนเท้นท์ที่มีรีเฟรชเรทสูงอีกด้วย แต่น่าจะยังไม่ถึงระกับ 120Hz นอกจากนี้ยังมี Siri รีโมทรุ่นใหม่ รุ่นแรกที่ใส่ click wheel เข้ามาให้อีกด้วย Apple TV ใหม่พร้อมเปิดให้จอง 30 เมษายนนี้
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เหล่าสาวกไม่น้อยคือการเปิดตัว iMac ใหม่ที่เป็นการรีดีไซน์ใหม่หมดในรอบกว่า 10 ปี ด้วยดีไซน์จอบางเฉียบขนาด 24 นิ้ว พร้อมชิพ M1 ตัวแรง, กล้องสำหรับ FaceTime ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น และยังเปิดตัว Magic Keyboard ใหม่ที่มาพร้อม Touch ID เป็นครั้งแรกอีกด้วย
มาถึงพระเอกของงานนี้ นั่นคือการเปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ ทั้ง 11 นิ้วและ 12.9 นิ้ว พร้อมขุมพลัง CPU แบบ 8-core, GPU 8-core และชิพ M1 ตัวแรง ในรุ่น 12.9 นิ้วยังมีจอ LED ที่ทางแอปเปิ้ลเรียกว่า “Liquid Retina XDR.” พร้อมกล้องหลังและกล้องหน้าที่อัพเกรดใหม่ ในราคาเริ่มต้นที่ $799 เหรียญฯ โดยจะเริ่มเปิดให้จองล่วงหน้าในวันที่ 30 เมษายนนี้
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น
