เมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เห็นภาพหลุดว่าที่แท็ปเล็ตรุ่นใหม่จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei ซึ่งก็มีจุดที่ทำให้น่าสนใจหลายๆจุด อย่างขอบหน้าจอที่บางเฉียบม รองรับการทำงานคู่กับปากกา ที่ดูๆไปก็คล้ายปากกาจากค่ายผลไม้ชื่อดัง รวมทั้งรองรับคียบอร์ดที่ก็คล้ายค่ายผลไม้อีกนั่นแหละ. ชื่อก็น่าจะประมาณ Huawei MatePad Pro.
ล่าสุดดูเหมือนว่าเจ้าว่าที่แท็ปเล็ตรุ่นใหม่นี้จะผ่านการรับรอง 3C
ซึ่งข้อมูลเผยว่าประเภทสิ้นที่ผ่านการรับรองนี้ชัดเจนว่าเป็นแท็ปเล็ต จากค่าย Huawei แต่ไม่ได้มีเพียงรุ่นโมเดลเดียว. โดยมีสองหมายเลขรุ่นโมเดลที่ผ่านการรับรองนี้ซึ่งได้แก่ MRX-W09 และ MRX-AL09 ซึ่งก็อาจจะอนุมาณได้ว่า Huawei MatePad Pro จะมีด้วยกันสองโมเดล น่าจะเป็นรุ่นที่รองรับ Wi-Fi และรุ่นที่รองรับ LTE พร้อมความสามารถในการรองรับ Fast Charge ขนาด 40W เช่นเดียวกับที่มีในมือถือตระกูล Mate 30.
จากข้อมูลที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ Huawei MatePad Pro จะมาพรอมหน้าจอความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล ชิพประมวลผลเป็น Kirin 990 SoC พร้อม RAM 8GB. รองรับคีย์บอร์ดที่เชื่อมต่อด้วยแถบแม่เหล็กและปากกาสไตลัสที่น่าจะชื่อ M-Pen แต่ยังไม่แน่ว่าจะแถมทั้งคีย์บอร์ดและปากกามาให้ในกล่องหรือเปล่า หรืออาจจะต้องสั่งซื้อแยกเหมือนค่ายผลไม้.
ต้องยอมรับว่าสินค้าที่เป็นอุปกรณ์ไอทีประเภทเครื่องประดับนั้นกำลังมีการเติบโตที่ค่อนข้างเร็วและเริ่มขยายกลุ่มผู้เข้าถึงออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้น. ซึ่งหนึ่งในเจ้าที่เป็นผู้นำในสายงานธุรกิจนี้อย่าง Apple ที่ถงแม้จะสินค้าที่เป็นลูกรักอย่าง iPhone และคอมพิวเตอร์ตระกูล Mac อยู่แล้ว ก็ยังให้ความใส่ใจในสินค้าประเภทเครื่องประดับไม่น้อย. สินค้าอย่าง Apple Watch, AirPods, หรือแม้แต่ HomePod ต่างก็มีทิศทางการเจริญเติบโตที่สดใสและกำลังทำรายได้จะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับที่สองในกลุ่มสินค้าทั้งหมดของ Apple.
ล่าสุดมีการเปิดเผยรายงานตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด ซึ่งสินค้าประเภทเครื่องประดับไอที ทำรายได้ตีตื้นขึ้นมาเกือบจะเทียบเท่ารายได้จากคอมพิวเตอร์ Mac. ซึ่งหากเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้วนั้นจะเห็นได้ว่าตัวเลขยังค่อนข้างห่างกันอยู่พอสมควร. ซึ่งเหมาะเจาะพอดีกับช่วงเวลาที่ยอดขาย iPhone อยู่ในขาลงและทำได้ไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว. ในปีงบประมาณ 2019 สินค้าประเภทเครื่องประดับไอทีของ Apple ทำรายได้ไปกว่า $24.5 พันล้านเหรียญฯ คิดเป็น 95% ของรายได้จากสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์ Mac ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านที่ทำรายได้คิดเป็นแค่ 69% จากรายได้จากคอมพิวเตอร์ Mac.
Huawei ชี้ “5G” คือยุคทองของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลก
นาย กัว ผิงประธานกรรมการบริหารแบบหมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย ได้ขึ้นกล่าวเปิดงานบนเวที Web Summitและได้เชิญชวนให้กลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลกหันมาใช้ประโยชน์จากโอกาสทองจากการมาถึงของ5G ที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีอื่นๆ.
นายกัว ผิง ได้กล่าวในหัวข้อ“5G+Xสร้างสรรค์ยุคอัจฉริยะ”ว่า 5G+X ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีต่างๆ อาทิเช่น เช่น AI,big data, VRและ ARจะผลักดันให้เกิดการเติบโตชนิดก้าวกระโดดราวกับตอนที่โลกของเราได้มีไฟฟ้าใช้เป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 20. อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่าแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อการใช้งานกับเทคโนโลยีเหล่านี้ต่างหากที่จะสามารถสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง ดังที่เห็นได้จากยุคอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันนักพัฒนาแอปพลิเคชันคือผู้ที่มักจะได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่มากที่สุด และมีรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดด้วย.
ประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ ซึ่งเกิดจากเทคโนโลยี 5Gต่างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค และภายในปลายปีนี้ เขาคาดว่าจะมีเครือข่ายเทคโนโลยี5G ในเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 60 เครือข่าย.
ทั้งนี้ ในปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้ได้มีผู้ลงทะเบียนการใช้งาน 5Gมากถึง 1 ล้านคนภายในเวลาเพียง 69 วันเท่านั้น ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากหากเทียบกับตอนที่ 4Gเปิดให้บริการเป็นครั้งแรก ที่ต้องใช้เวลากว่า150 วันจึงจะมีผู้ลงทะเบียนใช้งานในจำนวนเท่ากันที่ 1 ล้านคน. นอกจากนี้การมาถึงของ 5Gยังมอบประโยชน์ให้แก่ผู้ให้บริการสัญญาณด้วยเช่นกัน เนื่องจากผู้ใช้บริการ 5Gใช้งานปริมาณดาต้าเวลามากกว่าผู้ใช้งาน 4Gถึงสามเท่า.
“ด้วยความเร็วการเชื่อมต่อระดับสูง ความหน่วงของสัญญาณที่ต่ำ และการรองรับการเชื่อมต่อปริมาณมหาศาลของ 5G ทำให้เทคโนโลยีนี้สามารถรองรับประสบการณ์การใช้งาน Internet of Things(IoT) ที่เหนือชั้นได้อย่างไร้ปัญหา ซึ่งในอนาคต 5Gจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับนักลงทุนอย่างนับไม่ถ้วน” นายกัว ผิง กล่าว.
5G+Xจะขับเคลื่อนการยกระดับในภาคอุตสาหกรรม โดยมีแอปพลิเคชันเป็นหัวใจสำคัญ
นายกัว ได้ยกตัวอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าการผสมผสาน 5Gกับเทคโนโลยีอื่นๆ อาทิเช่น AI, ARและVRจะสามารถยกระดับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น 5Gจะเปิดโอกาสให้นักดนตรีสามารถจัดคอนเสิร์ตทางไกลร่วมกัน และแสดงผลภาพแบบเรียลไทม์ที่ความละเอียด 8K. การใช้เทคโนโลยี 5G+AR+AIจะช่วยยกระดับความปลอดภัยของพนักงานในโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติการและการบำรุงรักษา. นอกจากนี้การใช้AIยังช่วยให้แพทย์สามารถตรวจคนไข้จากระยะไกลแบบเรียลไทม์ได้ โดยเขายังได้เน้นย้ำว่าแอพพลิเคชันและซอฟต์แวร์ต่างๆ คือตัวที่จะสามารถสร้างมูลค่าที่แท้จริงทางเศรษฐกิจได้มากที่สุด และผู้ชนะที่แท้จริงก็คือพาร์ทเนอร์ของหัวเว่ยที่อยู่ในตลาดซึ่งมีมูลค่าสูงถึงหลักล้านล้านดอลลาร์สหรัฐนี้นั่นเอง.
แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น